ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ลงนามในกฎหมายเมื่อวันจันทร์ (20 มี.ค.) ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานของรัฐปลดข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับต้นตอการระบาดของโควิด-19 ออกจากชั้นความลับ (declassification) และนำออกเผยแพร่ให้สาธารณชนรับรู้ให้ได้มากที่สุด

ไบเดน กล่าวว่า ตนและสภาคองเกรสมีเป้าหมายร่วมที่จะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับต้นตอของโควิด-19 ให้สาธารณชนรับรู้ให้ได้มากที่สุด

“ในการประกาศกฎหมายฉบับนี้ รัฐบาลของผมจะถอดชุดข้อมูลดังกล่าวออกจากชั้นความลับ และแชร์มันออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งสอดคล้องกับอำนาจตามรัฐธรรมนูญของผมที่จะต้องป้องกันไม่ให้มีการปกปิดข้อมูลซึ่งอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ”
ถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐฯ ระบุร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรโดยปราศจากเสียงคัดค้าน ก่อนจะถูกส่งมายังทำเนียบขาวเพื่อให้ ไบเดน ลงนาม

จุดกำเนิดของโคโรนาไวรัสซึ่งก่อให้เกิดโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงของกลุ่มการเมืองในสหรัฐฯ เรื่อยมา นับตั้งแต่มีการพบผู้ป่วยรายแรกๆ ที่เมืองอู่ฮั่นของจีนเมื่อปลายปี 2019 โดยสมาชิกรัฐสภาทั้งสายเดโมแครต และรีพับลิกันต่างสนับสนุนให้ ไบเดน ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างเตะสกัดการสยายอิทธิพลของจีน

เดือนที่แล้ว หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลได้อ้างข้อมูลจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ที่ประเมินว่า ไวรัสต้นตอโควิด-19 หลุดออกมาจากห้องแล็บของจีน ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ปักกิ่งยืนกรานปฏิเสธ

แม้จะยอมรับว่าลงความเห็นนี้ “ด้วยระดับความเชื่อมั่นที่ต่ำ” (low confidence) แต่ข้อสรุปดังกล่าวทำให้กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ที่เชื่อว่าโควิด-19 ซึ่งคร่าชีวิตประชากรโลกไปเกือบ 7 ล้านคน มีต้นตอจากความผิดพลาดในห้องแล็บจีนซึ่งทำให้เชื้อไวรัสรั่วไหลออกสู่ภายนอก

หน่วยข่าวกรอง 4 แห่งในสหรัฐฯ เชื่อว่า โควิด-19 น่าจะเกิดจากการถ่ายทอดเชื้อตามธรรมชาติ (natural transmission) ขณะที่อีก 2 หน่วยงานยังไม่สรุปยืนยัน

ไบเดน ย้ำว่า ตนได้สั่งให้หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ สืบหาต้นตอโควิด-19 มาตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งจนถึงตอนนี้ภารกิจดังกล่าวก็ยังคงดำเนินอยู่ และรัฐบาลของตนจะเดินหน้าทบทวนข้อมูลชั้นความลับทั้งหมด รวมถึงความเชื่อมโยงกับสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นด้วย

“เราจำเป็นต้องสาวลึกไปให้ถึงต้นกำเนิดของโควิด-19 เพื่อกำหนดแนวทางป้องกันโรคระบาดใหญ่ในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น” ไบเดน ระบุ

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนยอมรับว่า สุดท้ายแล้วโลกอาจจะไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนว่าโควิด-19 มาจากไหน

ที่มา : รอยเตอร์

 

ติดตามเรื่องราวรอบโลกได้ที่  kazama-dc.com